ก่อนเหน้านี้เคยมีข่าวเมื่อประมาณวันที่ 18 เดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2563 ว่ามีคนถูกยิงทีบ้านในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่ง และมาเสียชีวิตขณะที่กำลังนำร่างส่งรักษาที่โรงพยาบาลท่าศาลา
ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้น สามีของผู้เสียชีวิตอ้างว่าตัวสามีและพ่อของสามีของผู้เสียชีวิตได้มีการทะเลาะกันและพ่อของสามีก็นำปืนเดินเข้ามาในบ้านหวังจะมายิงลูกชายของตัวเองเสียชีวิตแต่ว่ากระสุนปืนด้าน หลังจากนั้นลูกชายจึงได้มาแย่งปืนและเมื่อภรรยาของลูกชายมาเห็น
ก็เกิดการแย่งปืนกันขึ้นและมีการทำปืนลั่นใส่ฝ่ายหญิงจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งทางฝ่ายลูกชายบอกว่าพ่อเป็นคนไล่ไกปืนใส่ลูกสะใภ้และเมื่อพ่อสามีเห็นว่าลูกสะใภ้ล้มลงเพราะถูกระสุนปืนเขาก็วิ่งหนีหายออกจากบ้านไป
โดยตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปสอบสวนมีเพื่อนบ้านยืนยันว่าพวกเขาได้ยินพ่อลูกคู่นี้ทะเลาะกันบ่อยครั้งมาก โดยผู้เสียชีวิตชื่อว่านางพัชรี และเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากเหตุการณ์ผ่านได้ไม่ถึงวัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถตามจับกุมตัวคนร้ายได้เรียบร้อยแล้ว
โดยคนร้ายนั้น เป็นคนรับสารภาพเองว่าเขาเป็นคนก่อเหตุยิงนางสาวพัชรี เอง และหลังจากที่เขายิงนางสาวพัชรี เรียบร้อยแล้วเขาก็ได้ไปขออาศัยอยู่ที่บ้านของญาติของตัวเอง ซึ่งหลังจากถูกจับกุมนายแบบคนที่ก่อเหตุยิงลูกสะใภ้เสียชีวิตแล้ว เขาก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำของเขามาก โดยเขาไม่คิดว่ากระสุนปืนจะไปโดนลูกสะใภ้จนเสียชีวิต
และหลังจากนางสาวพัชรีเสียชีวิตแล้วทางด้านญาติของเธอก็ได้นำร่างของเธอไปบำเพ็ญกุศล ซึ่งทางญาติของนางสาวพัชร นั้น ยังมีความครางแครงใจว่าที่จริงแล้วใช่พ่อของสามีของเธอจริงหรือไม่ เพราะทางด้านพี่ชายของนางสาวพัชรี ได้รู้มาว่าน้องสาวของตัวเองนั้นเคยมาปรับทุกข์กับครอบครัวของเธอและพี่ชายว่าอยากจะเลิกกับสามี
เพราะว่านางสาวพัชรีมักจะถูกสามีซ้อมอยู่เป็นประจำ และที่สำคัญครอบครัวไม่อยากจะเชื่อว่านางสาวพัชรีนั้น จะเอาตัวเองไปรับกระสุนแทนสามีของตัวเอง และพวกเขายังบอกอีกด้วยว่าเคยเห็นบาดแผลที่ยิงนางสาวพัชรีแล้ว เหมือนเป็นการตั้งใจยิงมากกว่า
และที่ลำตัวของนางสาวพัชรี ยังมีร่องรอยเขียวช้ำเต็มไปหมด อย่างไรก็ตามครอบครัวของนางสาวพัขรี ยังคงไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของนาย แนบพ่อสามีทุกคนยังเชื่อว่าสามีของนางสาวพัชรีอาจจะมีอาการคลั่งยาเสพติดแล้วลงมือทำร้ายนางสาวพัชรี และนายแนบยอมรับผิดแทน
ได้รับการสนับสนุนโดย sagame